Skip to content
2025 Tesla Model 3 22

Tesla Model 3 2025: มอเตอร์ ระยะวิ่ง และข้อมูลทางเทคนิค

สวัสดีแฟนคลับรถยนต์และเทคโนโลยีทุกท่าน! วันนี้เราจะเจาะลึกสเปคของ Tesla Model 3 ปี 2025 รุ่นอัปเดตล่าสุดของรถยนต์ซีดานไฟฟ้าที่ทำให้แบรนด์ของ Elon Musk เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เพื่อให้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด ผมได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งทางการและแหล่งอ้างอิงในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และแม้กระทั่งข้อมูลผู้ใช้ในบราซิล โดยมุ่งเน้นที่ข้อมูลที่สดใหม่และน่าเชื่อถือ โดยไม่อ้างชื่อเว็บไซต์โดยตรง แต่ใช้แหล่งข้อมูลสำหรับตัวเลขที่คุณจะได้เห็นด้านล่างนี้

ภาพรวมและความเปลี่ยนแปลง: อะไรที่เปลี่ยนไปใน Model 3 ปี 2025?

Tesla Model 3 รุ่นปี 2025 หรือที่รู้จักในโค้ดเนม “Highland” ระหว่างช่วงพัฒนา ยังคงรูปทรงสวยงามในแบบซีดานสี่ประตูและมีเอกลักษณ์เป็นรถไฟฟ้า 100% อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี รถรุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์เท่านั้น Tesla ยังใส่ใจพัฒนาประสิทธิภาพในเรื่องระบบขับเคลื่อน ความคุ้มค่า และประสบการณ์การใช้งานภายในอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น รุ่น Performance ได้รับการอัปเกรดกำลังแรงม้าหนักแน่นเป็น 517 แรงม้า (HP) ซึ่งทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาอันน่าทึ่งเพียง 2.9 วินาที (ในรุ่น Performance AWD) ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ 3.1 วินาทีเล็กน้อย ตามข้อมูลจากแหล่งสำคัญ เช่น Quatro Rodas

ระยะทางวิ่งได้โดยประมาณ ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่รถไฟฟ้าจะต้องทำได้ดี รุ่น Long Range AWD ใหม่ถูกประเมินโดย EPA (สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ) ให้ระยะทางประมาณ 480 กิโลเมตร เพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ประมาณ 454 กิโลเมตร ตามข้อมูลจาก เว็บไซต์ทางการของ Tesla โดยอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการทดสอบ แต่ถือเป็นการพัฒนาที่ชัดเจน

ภายในห้องโดยสารดูทันสมัยและประณีตมากขึ้น นอกจากหน้าจอกลางขนาดใหญ่ 15.4 นิ้วที่ใครๆ ก็รู้จักแล้ว ยังเพิ่มหน้าจอขนาด 8 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลังอีกด้วย Tesla ยังรับประกันความหน่วงสัมผัสที่ลดลงในจอ ปรับปรุงคุณภาพเบาะ และใส่ระบบเชื่อมต่อ 5G มาเป็นมาตรฐาน คุณสมบัติเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศที่ Tesla กำลังขยาย เช่นเดียวกับที่เห็นใน Tesla Model Y 2025 (Juniper)

ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เคยโดดเด่นมากแล้ว ยังได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม รุ่นพื้นฐานแบบ RWD (ขับเคลื่อนล้อหลัง) สามารถทำระยะทางได้ถึง 4.5 ไมล์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (ประมาณ 7.2 กิโลเมตร/กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ตามมาตรฐาน EPA แสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของ Tesla ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

รุ่นย่อยแบบละเอียด: ควรเลือก Model 3 แบบไหนสำหรับคุณ?

การเลือกรุ่นที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด เช่น ราคา ระยะทางสูงสุด หรือสมรรถนะที่จะทำให้คุณตื่นเต้น เราจะสรุปตัวเลือกที่มีในตลาดสหรัฐอเมริกา (ซึ่งถือเป็นตลาดอ้างอิงระดับโลก พร้อมราคาหน่วยเงินดอลลาร์สหรัฐ)

ตารางรุ่น Tesla Model 3 ปี 2025 (คาดการณ์ตลาดสหรัฐฯ)

รุ่นมอเตอร์0–100 กม./ชม.ระยะทาง EPA (กม.)แรงม้า (HP)ระบบขับเคลื่อนราคา (ดอลลาร์สหรัฐ)*
Standard Range RWDหลัง (แม่เหล็กถาวร)5.6 วินาที~423 กม.282 แรงม้าRWD1,540,000 บาท
Long Range RWDหลัง (AC แบบเหนี่ยวนำ)5.1 วินาที~438 กม.282 แรงม้าRWD1,675,000 บาท (ประมาณ)
Long Range AWDมอเตอร์คู่4.4 วินาที~480 กม.450 แรงม้า (รวม)AWD1,750,000 บาท (ประมาณ)
Performance AWDมอเตอร์คู่ (สปอร์ต)2.9 วินาที~421 กม.517 แรงม้าAWD1,890,000 บาท (ประมาณ)

*ราคาแพ็กเกจรวมค่าจัดส่งและภาษีในสหรัฐฯ อาจมีความแตกต่างไปตามแต่ละตลาด รุ่นและราคาที่แท้อาจเปลี่ยนแปลงได้แหล่งข้อมูล: ตัวกำหนดรูปแบบของ Tesla สหรัฐฯ

รุ่น Standard Range RWD เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีสมรรถนะและระยะทางที่ใช้ได้ ส่วน Long Range RWD (ถ้ามีในตลาดของคุณ) จะเน้นทำระยะทางสูงสุดด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง Long Range AWD คือจุดสมดุลระหว่างระยะทางดีเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และแรงม้าที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่รุ่น Performance AWD เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สมรรถนะสูงสุดพร้อมความตื่นเต้นที่มาพร้อมความเร็วจากฝีมือของโมเดลนี้แลกกับระยะทางที่ลดลงบ้าง

ขนาดและพื้นที่: จุของได้ครบไหม?

Tesla Model 3 ปี 2025 ยังคงรักษาขนาดตัวถังภายนอกใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า ยืนยันว่านี่คือรถซีดานระดับกลางที่คล่องตัวและง่ายต่อการขับขี่ในเมือง แต่มีพื้นที่ภายในที่น่าประทับใจเพราะได้ประโยชน์จากโครงสร้างรถไฟฟ้า

ขนาดสำคัญๆ

รายการขนาด
ความยาว4,720 มม.
ความกว้าง (ไม่รวมกระจกมองข้าง)1,850 มม.
ความสูง1,441 มม.
ระยะช่วงล้อ2,875 มม.
น้ำหนัก (RWD / AWD)1,582 กก. / 1,828 กก.
พื้นที่เก็บสัมภาระหลัง425 ลิตร
พื้นที่เก็บสัมภาระหน้ารถ (Frunk)117 ลิตร

แหล่งข้อมูล: คู่มือและสเปคจาก Tesla ญี่ปุ่น/จีน

พื้นที่เก็บสัมภาระจัดว่ากว้างขวาง รวมทั้งพื้นที่ท้ายรถแบบดั้งเดิมและ “frunk” หรือช่องเก็บของด้านหน้าที่ปกติโดยทั่วไปจะเป็นตำแหน่งของเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานในชีวิตประจำวัน

อุปกรณ์และเทคโนโลยี: มีอะไรบ้างในรถคันนี้?

แม้แต่ในรุ่นพื้นฐาน Tesla Model 3 ก็อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ หลักการดีไซน์แบบมินิมอลของ Tesla คือสะสางการควบคุมแทบทั้งหมดไว้บนหน้าจอกลาง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ติดตั้งมาในรถ

อุปกรณ์มาตรฐานที่น่าสังเกต

  • ระบบขับขี่อัตโนมัติพื้นฐาน (Basic Autopilot)
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับตามการจราจร
  • จอมัลติมีเดียกลางขนาด 15.4 นิ้ว + จอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 8 นิ้ว
  • ระบบนำทาง GPS ในตัว
  • แอร์ปรับอุณหภูมิแยก 2 โซน
  • ล้อขนาด 18 นิ้ว
  • หลังคากระจกแบบพาโนรามิค
  • การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5G

สำหรับคนที่ต้องการออปชั่นเพิ่มเติม Tesla มีแพ็กเกจเสริมที่ยกระดับประสบการณ์และราคาขึ้นมา เช่น Autopilot รุ่นปรับปรุง (Enhanced Autopilot – EAP) ซึ่งเพิ่มฟังก์ชันอย่างการเปลี่ยนเลนส์แบบอัตโนมัติ และระบบจอดรถอัตโนมัติ ราคาเพิ่มประมาณ 180,000 บาท (5,000 เหรียญสหรัฐ) และแพ็กเกจ Full Self-Driving (FSD) ที่สัญญาว่าจะทำให้รถสามารถขับขี่กึ่งอัตโนมัติในเมืองได้จริง อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและราคาเพิ่มอีกประมาณ 108,000 บาท (3,000 เหรียญสหรัฐ) นับจากราคาของ EAP ในสหรัฐฯ ถือเป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ยังต้องติดตามกันต่อไป

ออปชั่นเสริมที่น่าสนใจ

  • Autopilot รุ่นปรับปรุง (EAP)
  • ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD)
  • สีพิเศษพรีเมียม (เพิ่มถึง 36,000 บาท)
  • ล้อขนาด 19 หรือ 20 นิ้ว (เพิ่มประมาณ 54,000 บาท)

ในขณะที่ Tesla ก้าวหน้าในระบบช่วยขับขี่ ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นก็แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น สีรถพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมอร์เซเดสกำลังทดสอบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทางของรถไฟฟ้าในอนาคต

ความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ: ปลอดภัยและออนไลน์แน่นอนไหม?

ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของ Tesla และ Model 3 ก็ยังคงรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ดีเยี่ยม ด้วยคะแนนเต็ม 5 ดาว ในการทดสอบการชนอย่างเข้มงวดของ NHTSA (สหรัฐฯ) และ Euro NCAP (ยุโรป) ในรุ่นก่อนหน้านี้ และสำหรับโมเดลปี 2025 ก็ยังคงคาดหวังมาตรฐานสูงนี้ด้วยโครงสร้างรถที่แข็งแรงและถุงลมนิรภัยครบครัน

การเชื่อมต่อก็เป็นอีกจุดแข็งของ Model 3 ด้วยระบบ 5G ในตัว ไวไฟโฮสต์สปอต และการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA (Over-the-Air) ทำให้รถพร้อมเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลาและได้รับการปรับปรุงตลอดผ่านแอป Tesla ที่ช่วยให้ตรวจสอบสถานะการชาร์จ ปรับอากาศล่วงหน้าภายในรถ และใช้มือถือเป็นกุญแจได้ ประสิทธิภาพพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ Tesla ลงทุนอย่างจริงจัง พร้อมกับผู้ผลิตรายอื่นที่พัฒนานวัตกรรม เช่น แบตเตอรี่ชาร์จเร็วรุ่นใหม่ของ Stellantis ที่มีเป้าหมายพลิกโฉมเวลาชาร์จให้สั้นลงมาก

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ประกอบด้วย สัญญาณเตือนจุดบอด ระบบช่วยรักษาช่องทางจราจร การจดจำป้ายจำกัดความเร็ว และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่กล่าวไปแล้ว ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่

Tesla Model 3 เทียบกับคู่แข่ง: การแข่งขันรถไฟฟ้า

Tesla Model 3 ปี 2025 ไม่ได้เป็นผู้นำในตลาดนี้เพียงผู้เดียว แต่ต้องสู้กับคู่แข่งใหญ่จากยุโรปที่เข้ามาอย่างจริงจัง เราจะเปรียบเทียบรุ่น Long Range AWD ของ Tesla กับคู่แข่งโดยตรงสองค่ายดัง

เปรียบเทียบตรง: Model 3 LR AWD กับคู่แข่ง (ข้อมูลอ้างอิง)

รุ่น0–100 กม./ชม.ระยะทาง EPA (กม.)แรงม้า (HP)ราคาเริ่มต้น (USD)*ระบบขับเคลื่อน
Tesla Model 3 LR AWD4.4 วินาที~480 กม.450 แรงม้า1,750,000 บาท (ประมาณ)AWD
BMW i4 eDrive405.7 วินาที~484 กม.340 แรงม้า2,030,000 บาทRWD
Polestar 2 Dual Motor4.0 วินาที~409 กม.476 แรงม้า2,270,000 บาทAWD

*ราคากับสเปคอาจเปลี่ยนแปลงได้ แหล่งข้อมูล: เว็บไซต์ทางการของแบรนด์และสื่อสายรถยนต์ เช่น BMW USA และ Polestar US

Tesla Model 3 LR AWD โดดเด่นด้วยพละกำลังและช่วงเร่งที่เร็วกว่า i4 และใกล้เคียงกับ Polestar 2 ประกอบกับระยะทางและราคาที่เริ่มต้นค่อนข้างเหมาะสม โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ยังคงเป็นจุดแข็งของ Tesla รวมถึงเครือข่าย Supercharger ที่ยังเหนือกว่าคู่แข่ง BMW โฟกัสที่ความหรูหราและความสมดุลของการขับขี่แบบดั้งเดิม แต่ก็มีทิศทางอนาคตด้วยอย่างรถคอนเซ็ปต์อย่าง BMW M3 ไฟฟ้าจาก Vision Concept ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกมแข่งขันในตลาดรถไฟฟ้าจะเข้มข้นในปีต่อๆ ไป

Polestar 2 มีดีไซน์สแกนดิเนเวียนเฉพาะตัวและสมรรถนะที่แรงในรุ่น Dual Motor แต่ระยะทาง EPA ต่ำกว่าและราคาเริ่มต้นสูงกว่า เมื่อเลือกจะต้องพิจารณาความสำคัญระหว่างระบบนิเวศและเทคโนโลยี (Tesla), ความหรูหราและการขับขี่ (BMW) หรือการออกแบบและความเฉพาะตัว (Polestar)

ข้อดีและข้อด้อย: สรุปผลอย่างรวดเร็ว

เพื่อช่วยในการตัดสินใจ นี่คือข้อดีและข้อด้อยของ Tesla Model 3 ปี 2025 โดยย่อ:

ข้อดี

  • สมรรถนะระดับชั้นนำ (0-100 กม./ชม. ต่ำสุด 2.9 วินาที)
  • ระยะทางวิ่งยอดเยี่ยม (สูงสุด 480 กม.)
  • เครือข่าย Supercharger ที่ไม่มีใครเทียบได้
  • เทคโนโลยีชั้นสูงและการอัปเดต OTA
  • พื้นที่ภายในและสัมภาระใช้สอยดีเยี่ยม

ข้อที่ต้องปรับปรุง

  • ค่าออปชั่นที่สูง โดยเฉพาะ FSD
  • ความประณีตของวัสดุภายในอาจไม่โดนใจทุกคน
  • คุณภาพการผลิตบางส่วนมีความแตกต่าง
  • การบริการหลังการขายอาจแตกต่างในแต่ละพื้นที่

คำถามที่พบบ่อย (FAQ): ตอบทุกข้อสงสัย

คำถามยอดนิยมเกี่ยวกับ Tesla Model 3 ปี 2025

  1. Tesla Model 3 ปี 2025 เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?
    ได้รับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ (โค้ดเนม “Highland”) ปรับปรุงระยะทางวิ่ง โดยเฉพาะรุ่น Long Range เพิ่มแรงม้าในรุ่น Performance ภายในได้รับการอัปเดตเพิ่มจอสำหรับผู้โดยสารหลัง และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวม
  2. Model 3 ปี 2025 วิ่งได้ไกลแค่ไหน?
    ระยะทางทางการตามมาตรฐาน EPA อยู่ระหว่างประมาณ 423 กม. (รุ่น Standard RWD) ถึง 480 กม. (รุ่น Long Range AWD) ส่วนระยะทางจริงขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพอากาศ และการใช้ระบบปรับอากาศ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของ Tesla มักใกล้เคียงกับการใช้งานจริงในระดับผสม
  3. ระบบ Full Self-Driving (FSD) ขับได้อัตโนมัติจริงไหม?
    ไม่ใช่แบบเต็มที่ แม้ชื่อจะบอกเช่นนั้น แต่ FSD คือระบบช่วยเหลือคนขับขั้นสูง (ระดับ SAE 2) ที่ต้องคอยดูแลจากผู้ขับขี่ตลอดเวลา มีฟังก์ชันอย่างการนำทางด้วย Autopilot และควบคุมจราจร/สัญญาณไฟ แต่การขับขี่อัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ยังไม่เป็นที่รับรองทางกฎหมายหรือเทคโนโลยีสมบูรณ์ในตอนนี้
  4. ควรซื้อ Model 3 ปี 2025 แทนคู่แข่งไหม?
    ขึ้นอยู่กับความต้องการ ถ้าคุณชื่นชอบสมรรถนะ เทคโนโลยีล่าสุด การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง และเครือข่าย Supercharger ที่สะดวก Model 3 คือทางเลือกที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าชอบการตกแต่งหรูแบบดั้งเดิม หรือประสบการณ์แบรนด์อื่นๆ คู่แข่งอย่าง BMW i4 หรือ Polestar 2 ก็อาจเหมาะกับคุณมากกว่า

โดยรวมแล้ว Tesla Model 3 ปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่หนักแน่นในโลกของรถไฟฟ้า เขาผสมผสานสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ (ในรุ่น Performance) กับความสะดวกสบายแบบซีดานครอบครัวและเทคโนโลยีที่ดูเหมือนมาจากอนาคต เครือข่ายสถานีชาร์จของ Tesla คือจุดแข็งชัดเจน แต่การตกแต่งภายในที่เรียบง่ายและวัสดุบางอย่างอาจไม่ถูกใจคนที่ชอบหรูหราคลาสสิก รวมถึงค่าอัพเกรดออปชั่นโดยเฉพาะ FSD ที่เพิ่มราคาสูงขึ้นมาก

และคุณล่ะคิดเห็นอย่างไรกับการอัปเดตของ Tesla Model 3 ปี 2025? คิดว่ายังคงครองตำแหน่งแชมป์ของกลุ่มนี้ หรือว่าคู่แข่งกำลังมาท้าทาย? แสดงความคิดเห็นของคุณได้เลยด้านล่าง!

Author: Fabio Isidoro

ฟาบิโอ อิซิโดโร เป็นผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการบริหารของ Canal Carro ซึ่งเขาเขียนเกี่ยวกับโลกยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2022 ด้วยความหลงใหลในรถยนต์และเทคโนโลยี เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพบนเว็บไซต์ HospedandoSites และปัจจุบันอุทิศตนให้กับการสร้างเนื้อหาทางเทคนิคและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับยานพาหนะทั้งในประเทศและต่างประเทศ 📩 ติดต่อ: contato@canalcarro.net.br

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *