โลกแห่งยานยนต์นั้นไม่เคยหยุดนิ่ง และ Dacia ด้วยปรัชญาที่เน้นส่งมอบสิ่งจำเป็นอย่างชาญฉลาดและแข็งแกร่ง ก็กำลังโดดเด่นมากขึ้น การมาของ Dacia Bigster 2025 เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนรอคอยมากที่สุด โดยเฉพาะรุ่น Mild Hybrid-G 140 ที่สัญญาว่าจะเขย่าตลาด SUV ด้วยข้อเสนอที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหาจุดเทียบเท่าได้ยาก
ลองจินตนาการถึง SUV ที่กว้างขวาง สามารถพาครอบครัวพร้อมสัมภาระไปได้ทุกการผจญภัย โดยไม่สร้างภาระทั้งกับกระเป๋าเงินเวลาน้ำมันหมด นั่นคือคำสัญญาของ Bigster Mild Hybrid-G 140 ซึ่งผสมผสานความอเนกประสงค์ของ SUV ขนาดกลางกับความประหยัดและความยั่งยืนจากระบบไบฟิวเอลที่ติดตั้งมาตั้งแต่โรงงาน
อะไรที่ทำให้ Bigster Mild Hybrid-G 140 พิเศษขนาดนี้?
หัวใจสำคัญของ SUV คันนี้คือเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ 3 สูบแถวเรียง พร้อมระบบ Mild Hybrid 48V ผสมผสานกันให้กำลัง 140 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 2,100 รอบต่อนาที ดูเหมือนตัวเลขจะธรรมดาในแผ่นกระดาษ แต่ความพิเศษอยู่ที่ระบบไบฟิวเอล: เบนซินและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
ความชาญฉลาดคือความสามารถในการใช้น้ำมันได้สองชนิด ระบบ LPG ของ Dacia ติดตั้งตั้งแต่โรงงาน จึงยังได้รับประกันเต็มรูปแบบ และยังเป็นทางเลือกเติมเชื้อเพลิงที่ในหลายกรณีราคาถูกกว่าและปล่อยมลพิษ CO2 ต่ำกว่า เป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดระยะยาว โดยไม่แลกกับสมรรถนะประจำวัน Dacia ไม่ได้เพิ่งเริ่มเล่นกับ LPG รุ่น Mild Hybrid-G 140 ใน Bigster นำเสนอมูลค่าเพิ่มอย่างมากด้วยระยะทางวิ่งรวมที่น่าประทับใจเกิน 1,400 กิโลเมตรเมื่อใช้น้ำมันทั้งสองถัง จากข้อมูลอย่างเป็นทางการของ Dacia การผสมผสานนี้ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้
สมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง: น่าประทับใจบนถนนหรือไม่?
SUV สำหรับครอบครัวไม่จำเป็นต้องทำลายสถิติคาบความเร็ว แต่ Bigster Mild Hybrid-G 140 มีตัวเลขที่น่าประทับใจเมื่อพิจารณาขนาดของมัน การเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. อยู่ในช่วง 9.8 ถึง 10.0 วินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับใช้งานทั้งในเมืองและทางหลวง ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กม./ชม.
แต่ถ้าจะยอมรับจริง ๆ แล้ว SUV สำหรับครอบครัวสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความประหยัดและระยะทางวิ่งได้ ระบบไบฟิวเอลนี้จึงเป็นตัวชูโรง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (มาตรฐาน WLTP) กับน้ำมันเบนซินอยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 7.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่เมื่อใช้ LPG การปล่อย CO2 เริ่มต้นเพียง 118 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งบ่งชี้ว่าการเผาไหม้สะอาดขึ้นและต้นทุนต่อกิโลเมตรโดยรวมก็มักจะต่ำกว่า ระยะทางรวมที่วิ่งได้ (ระบบคู่ถัง) ถือเป็นจุดแข็ง ถือว่าสูงกว่า 1,400 กิโลเมตร ทำให้ไม่ต้องหยุดเติมน้ำมันบ่อยในทริปยาว ๆ รุ่นอื่น ๆ อย่าง Toyota Aygo X Hybrid 2026 ก็เน้นความประหยัดแต่ Bigster โดดเด่นเรื่องความจุและระยะทางรวมที่สูงกว่า
ขนาดตัวถังและพื้นที่: SUV ที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว?
ด้วยความยาว 4,570 มิลลิเมตร Bigster จัดอยู่ในกลุ่ม C-SUV ขนาดกลาง โดยมิติแบบใหญ่โตนี้แปลเป็นพื้นที่ภายในกว้างขวางนั่งได้ 5 คน ระยะฐานล้อ 2,702 มิลลิเมตรช่วยเพิ่มความสบาย โดยเฉพาะผู้โดยสารแถวหลัง
จุดเด่นสำคัญอย่างมากอีกประการของ Bigster คือพื้นที่เก็บสัมภาระ ความจุอยู่ระหว่าง 660 ถึง 677 ลิตร เมื่อที่นั่งอยู่ในตำแหน่งปกติ และสามารถเพิ่มได้เกือบถึง 2,000 ลิตรเมื่อพับเบาะลง ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่เก็บของที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้ เหมาะสำหรับการนำสัมภาระไปเที่ยว อุปกรณ์กีฬา หรือของชิ้นใหญ่ ๆ นอกจากนี้ ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถประมาณ 220 มิลลิเมตร ช่วยให้สามารถขับผ่านถนนลูกรังหรือเส้นทางที่ไม่เรียบได้อย่างสบาย แตกต่างจาก SUV ที่เน้นใช้งานในเมือง เช่น Corolla Cross GR Sport ที่เน้นความสปอร์ทในเมือง
เทคโนโลยีและความปลอดภัย: พร้อมสำหรับอนาคต?
Dacia ได้พัฒนาไปมากในด้านเทคโนโลยี และ Bigster ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ระบบอินโฟเทนเมนท์ที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 10 หรือ 10.1 นิ้วดูทันสมัย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนไร้สาย (Android Auto และ Apple CarPlay) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นในยุคนี้ แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10 นิ้ว ที่มีในบางรุ่น เพิ่มความทันสมัยให้กับภายในรถ
ในเรื่องความปลอดภัย Bigster ปฏิบัติตามมาตรฐาน GSR 2 ใหม่ล่าสุด ซึ่งหมายความว่ารถรุ่นนี้มาพร้อมกับชุดเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับ (ADAS) อย่างครบถ้วน เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEBS) ที่ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน และจักรยาน นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนการออกนอกเลนและการอยู่ในเลน เซ็นเซอร์ช่วยจอด และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ทำให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบาย รายการ ADAS ถือว่ายาวเหยียด แข่งขันกับรุ่นบนอย่าง Audi Q4 E-Tron 45 2025 ที่ก็ทุ่มเทกับเทคโนโลยีติดรถเต็มที่เช่นกัน
เทคโนโลยีหลักที่มีให้:
- ระบบอินโฟเทนเมนท์หน้าจอสัมผัสขนาด 10″ หรือ 10.1″
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย (Android Auto และ Apple CarPlay)
- แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10″
- ระบบเสียง Arkamys 3D (เสริมพิเศษ)
- ระบบนำทางแบบเชื่อมต่อ
- เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบโซนคู่ (เสริมพิเศษ)
- ระบบปลดล็อคและสตาร์ตด้วยมือฟรี
- ระบบ YouClip สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม
ไฮไลท์ด้านความปลอดภัย:
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEBS)
- สัญญาณเตือนและช่วยอยู่ในเลน
- ระบบจดจำป้ายจราจร
- สัญญาณเตือนมุมอับสายตา
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- เซ็นเซอร์ช่วยจอด
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง และม่านลมนิรภัย
- ระบบยึดเบาะเด็ก ISOFIX
- ระบบ eCall โทรฉุกเฉิน
ดีไซน์: แข็งแกร่งภายนอก ฉลาดล้ำภายใน?
ดีไซน์ของ Dacia Bigster ตามแนวทางภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ โดยมีไฟหน้า LED รูปตัว “Y” ที่โดดเด่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เส้นสายของตัวรถแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อชัดเจน สื่อถึงรถที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ชิ้นส่วนกันกระแทกตัวถังผลิตจากวัสดุรีไซเคิล (Starkle®) ยิ่งเพิ่มความยั่งยืนและความทนทานให้กับรถ แร็คหลังคาที่ถอดเปลี่ยนได้ในบางรุ่นช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์อีก ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นและเข้ากับสไตล์ผจญภัยตามชื่อรุ่น SUV อีกรุ่นที่เน้นลุยสภาพถนนลำบากอย่าง Opel Frontera Gravel 2025 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนี้กำลังเติบโต
ภายในรถ ปรัชญาคือมอบบรรยากาศที่ใช้สอยได้จริงและสะดวกสบาย พื้นที่ศีรษะและพื้นที่วางขากว้างขวางสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ช่วยให้การเดินทางไกลสบายขึ้น วัสดุแม้เน้นความทนทานแต่ก็ให้การตกแต่งที่ดูดี ระบบ YouClip ที่มีจุดยึดหลายจุดภายใน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและจัดระเบียบพื้นที่ตามความต้องการได้ เป็นความเรียบง่ายที่มีประโยชน์มาก
รุ่นและตลาด: เปิดตัวเมื่อไหร่และหาซื้อได้ที่ไหน?
Dacia Bigster Mild Hybrid-G 140 กำลังเปิดตัวในตลาดยุโรป โดยเปิดรับจองตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 รุ่นตกแต่งที่ยืนยันแล้วสำหรับเครื่องยนต์นี้ประกอบด้วย Essential, Expression, Extreme และ Journey ควรทราบว่าชุดอุปกรณ์และอ็อปชั่นอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่นและแต่ละตลาด การตรวจสอบรายละเอียดที่แน่นอนกับตัวแทนจำหน่าย Dacia ในเวลาดูรถจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ
รุ่นที่ยืนยันแล้ว (ยุโรป):
- Essential
- Expression
- Extreme
- Journey
เปรียบเทียบอย่างรวดเร็ว: Bigster กับคู่แข่ง
การนำ Bigster มาเทียบกับคู่แข่งทั้งหมวด C-SUV อาจซับซ้อนเพราะแตกต่างอย่างชัดเจนด้วยระบบไบฟิวเอลจากโรงงานและเน้นความคุ้มค่า แต่เรายังสามารถชูจุดเด่นบางอย่างได้ดังนี้:
Bigster Mild Hybrid-G 140 กับคู่แข่งโดยตรง:
- ต้นทุนเชื้อเพลิง: LPG มีข้อได้เปรียบที่ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรต่ำกว่ามากในหลายตลาด
- ระยะทางรวม: ระยะทางวิ่งร่วมกว่า 1,400 กิโลเมตรหายากที่จะเทียบเท่าแม้กับไฮบริดทั่วไป
- พื้นที่เก็บสัมภาระ: พื้นที่เก็บของเป็นอันดับต้นของกลุ่ม เป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่มาก
- ราคาซื้อ: ตามประเพณีของ Dacia Bigster มีราคาเบากว่าหลายๆ SUV ที่มีขนาดเครื่องยนต์และออปชั่นใกล้กันจากแบรนด์อื่น
- ความแข็งแกร่งและระยะต่ำสุดจากพื้น: โครงสร้างแข็งแกร่งและระยะห่างจากพื้นที่เพียงพอช่วยให้ลุยพื้นผิวไม่เรียบหรือนำทางในทางวิบากเบา ๆ ได้ดีกว่า SUV ที่เน้นถนนปูน เช่น Volvo EX30 Cross Country 2026 โดย Volvo นำเสนอโครงสร้างไฟฟ้าเต็มรูปแบบและระดับพรีเมียม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ):
- “Mild Hybrid-G 140” หมายความว่าอย่างไร? หมายถึงรถที่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ ใช้ทั้งเบนซินและ LPG พร้อมระบบไฮบริดแบบเบา (48V) ให้กำลัง 140 แรงม้า
- ระยะทางวิ่งรวมของ Bigster เมื่อใช้น้ำมันเบนซินและ LPG เท่าใด? ระยะทางรวมสามารถเกินกว่า 1,400 กิโลเมตร โดยผสมผสานการใช้งานของสองถังน้ำมัน
- Dacia Bigster เหมาะกับการวิ่งทางวิบากหรือไม่? ด้วยระยะต่ำสุดจากพื้นประมาณ 220 มิลลิเมตร รถมีสมรรถนะเพียงพอสำหรับถนนลูกรังและพื้นที่ไม่เรียบ แต่รุ่นนี้เป็นขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่ใช่ 4×4
- Dacia Bigster Mild Hybrid-G 140 จะวางขายเมื่อไหร่? Dacia เริ่มเปิดรับจองในบางตลาดยุโรปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 โดยความพร้อมจำหน่ายอาจแตกต่างในแต่ละพื้นที่
- ถัง LPG อยู่ที่ไหน? ถัง LPG ถูกติดตั้งใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระอย่างชาญฉลาดโดยไม่ลดพื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บของ
ในมุมมองของผม Dacia Bigster Mild Hybrid-G 140 เป็นรถที่มีเหตุผลมากและตอบโจทย์ยุคสมัยนี้อย่างดี ไม่ได้พยายามเป็นรถที่เร็วที่สุด หรือที่สุดของความหรูหรา แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากต้องการจริง ๆ คือพื้นที่กว้างขวาง ประหยัดเชื้อเพลิง และราคายุติธรรม ระบบไบฟิวเอลจากโรงงานถือเป็นจุดขายใหญ่ที่ให้ทางเลือกใหม่แทนน้ำมันและแม้แต่ไฮบริดราคาแพง เป็น SUV ที่จริงใจ แข็งแรง และมีนวัตกรรมที่ใช้งานจริง เช่น ระบบ YouClip และพื้นที่เก็บของขนาดมหึมา Dacia ทำได้ดีมากในการนำเสนอรุ่นนี้สู่ตลาด และผมเชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไรกับ Dacia Bigster Mild Hybrid-G 140? คิดว่าระบบไบฟิวเอลเหมาะกับคุณหรือไม่? แสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่างได้เลย!
Author: Fabio Isidoro
ฟาบิโอ อิซิโดโร เป็นผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการบริหารของ Canal Carro ซึ่งเขาเขียนเกี่ยวกับโลกยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2022 ด้วยความหลงใหลในรถยนต์และเทคโนโลยี เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพบนเว็บไซต์ HospedandoSites และปัจจุบันอุทิศตนให้กับการสร้างเนื้อหาทางเทคนิคและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับยานพาหนะทั้งในประเทศและต่างประเทศ 📩 ติดต่อ: contato@canalcarro.net.br